ซื้อสินค้าออนไลน์อย่างไร? ให้ปลอดภัย!!!

Last updated: 2 ก.ค. 2566  |  756 จำนวนผู้เข้าชม  | 

shoppingผ่านมือถือ

ซื้อสินค้าออนไลน์อย่างไร ให้ปลอดภัย

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าปัจจุบันคนส่วนใหญ่นิยมสั่งของออนไลน์กันเป็นจำนวนมาก เนื่องจากมีความสะดวกรวดเร็ว เหมาะสำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเวลาไปหาซื้อของด้วยตัวเอง เพียงคลิกสั่งซื้อแค่ปลายนิ้ว ก็พร้อมรอรับสินค้าที่ส่งตรงถึงมือได้เลย อีกทั้งยังมีโปรโมชั่นส่วนลด และโค้ดส่วนลดเพิ่ม ส่วนลดบัตรเครดิต รวมถึงบริการส่งฟรีเมื่อช้อปครบขั้นต่ำที่กำหนดด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้ธุรกิจร้านค้าออนไลน์เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว และขยันจัดโปรโมชั่นส่วนลดมายั่วเงินในบัญชีแบบชนิดที่ว่าไม่มีใครยอมใคร! ซึ่งก็เป็นผลดีกับตัวผู้บริโภค ที่จะได้มีตัวเลือกในการซื้อของมากขึ้น และเลือกความคุ้มค่าที่ดีที่สุดให้แก่ตัวเอง  ***แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ยังมีบางคนที่รู้สึกไม่มั่นใจในการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ เนื่องจากกลัวโดนโกงเงิน หรือกลัวได้ของไม่ตรงตามรูปที่โพสต์ รวมถึงสินค้าอาจไม่ได้คุณภาพ อีกทั้งยังมีข่าวเกี่ยวกับการซื้อของออนไลน์แล้วโดนโกงออกมามากมาย ก็ยิ่งทำให้ใครหลายคนต่างขาดความเชื่อมั่น! เพื่อการช้อปปิ้งได้อย่างสบายใจ และไม่หวาดระแวงว่าคุณจะโดนโกงหรือไม่ ? เรามีวิธีซื้อของออนไลน์ให้ปลอดภัย หมดปัญหาเรื่องการโดนโกงมาบอก ดังนี้

1. ตรวจสอบความน่าเชื่อถือของผู้ขาย : พิจารณาจากข้อมูลและหลักฐานเอกสารต่างๆ ที่ผู้ขายนำมาแสดง เช่น ชื่อที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ , ใบจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนจำกัดหรือบริษัท , ใบอนุญาตประกอบกิจการ , ใบอนุญาตค้า , ใบจดทะเบียนพาณิชย์ , ภาพถ่ายร้านค้า/โรงงาน , ภาพถ่ายการส่งสินค้า , รีวิวจากลูกค้า เป็นต้น  ***โดยเอกสารต่างๆ ต้องสามารถตรวจสอบได้ว่าได้จดทะเบียนจริง ซึ่งปัจจุบันสามารถตรวจสอบเลขทะเบียน เลขอย. เลขจดแจ้ง...ผ่านระบบออนไลน์จากเว็ปไซต์ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้

2. เว็บไซต์ไหนปลอดภัยให้ดูจาก URL : เว็บไซต์ขายของออนไลน์ที่ขึ้นต้นด้วย https:// คือเว็บที่ปลอดภัย บวกกับไอคอนรูปแม่กุญแจด้านหน้า ถ้าเห็นสัญลักษณ์ดังกล่าวก็สามารถอุ่นใจได้เลยว่าสั่งซื้อสินค้าแล้วจะมีการเชื่อมต่อแบบ Secure Sockets Layer (SSL)

***SSL ย่อมาจาก Secure Socket Layer ซึ่งปัจจุบันได้พัฒนาขึ้นมาเป็น TLS (Transport Layer Security) คือ เทคโนโลยีการเข้ารหัสข้อมูล เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการสื่อสารหรือส่งข้อมูลบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ระหว่างเครื่องเซิร์ฟเวอร์กับเว็บเบราว์เซอร์หรือ Application ที่ใช้งาน เพื่อให้ข้อมูลของท่านปลอดภัยจากการเข้าถึงข้อมูลจากแฮกเกอร์ โดยวิธีการเรียกใช้งาน จะเรียกผ่านโปรโตคอล HTTPS หรือโปรโตคอลความปลอดภัยอื่นๆ ตามแต่วิธีการใช้งาน

***SSL Certificate คือ ใบรับรองอิเล็กทรอนิกส์ เป็นไฟล์ข้อมูลขนาดเล็ก ที่ได้มีการผูกไว้กับ Private Key ของเครื่องเซิร์ฟเวอร์ เพื่อยืนยันตัวตนและความถูกต้องในการส่งข้อมูลระหว่างเครื่องเซิร์ฟเวอร์กับเว็บเบราว์เซอร์หรือ Application ที่ใช้งาน มีการเข้ารหัสและถอดรหัสผ่านเทคโนโลยี SSL/TLS หากข้อมูลของท่านถูกดักจับไปได้ ข้อมูลก็ท่านก็ยังมีความปลอดภัย เพราะแฮกเกอร์ จะไม่สามารถถอดรหัสข้อมูลของคุณได้ เนื่องจากข้อมูลที่ได้ไป จะอยู่ในรูปแบบที่อ่านไม่ออก จะต้องมีคีย์ถอดรหัสที่เหมาะสมและตรงกันเท่านั้น ถึงจะสามารถถอดรหัสได้  

3. ระวังเรื่อง Wi-Fi สาธารณะ : การสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ผ่านการเชื่อมต่อ Wi-Fi สาธารณะ มีความเสี่ยง เนื่องจากเครือข่ายเหล่านี้สามารถถ่ายเทข้อมูลได้ง่ายโดยเฉพาะข้อมูลบัตรเครดิต ดังนั้นใช้เน็ตมือถือหรือ Wi-Fi จากที่บ้านปลอดภัยกว่า

4. การติดต่อสื่อสาร : ต้องสามารถติดต่อสื่อสารได้ง่าย สะดวก ตอบกลับไว และมีช่องทางการติดต่อหลายช่องทาง เช่น  Line , Facebook , โทรศัพท์… การติดต่อสื่อสารที่ง่ายนอกจากจะแสดงถึงการมีตัวตนอยู่จริงของผู้ขายแล้ว ยังแสดงถึงความใส่ใจต่อการให้บริการลูกค้าอีกด้วยครับ

5. การให้ข้อมูล/คำแนะนำ : ต้องสามารถอธิบาย/แนะนำสินค้าได้อย่างละเอียดและชัดเจน  แสดงถึงเป็นผู้รู้ข้อมูลสินค้าจริง ไม่ได้แอบอ้าง และแสดงถึงความเป็นมืออาชีพในการขายสินค้าอีกด้วยด้วย

6. ขอดูสินค้าจริงได้ : สามารถขอชมภาพถ่าย คลิปวีดีโอ หรือ video call ได้ รวมทั้งต้องสามารถทดสอบคุณภาพสินค้าเบื้องต้นได้ เช่น การวัดค่าความชื้นไม้ให้ลูกค้าดู   การได้รับเครื่องหมายรับรองต่างๆ 

7. การขนส่ง : ปัจจุบันมีการแข่งขันในระบบlogistic ของบริษัทต่างๆ กันมาก ทั้งด้านความเร็วในการจัดส่ง ค่าขนส่ง และคุณภาพของการขนส่ง  และสิ่งหนึ่งที่ลูกค้าค่อนข้างกังวลก็คือความชำรุดเสียหายจากการขนส่งเนื่องจากมีข่าวมากมายเกี่ยวกับการชำรุดเสียหายของสินค้าจากการขนส่งที่ไม่ดี ทั้งระบบการขนส่งและตัวพนักงานที่ขาดความระมัดระวังในการจัดส่ง   ดังนั้น ระบบการขนส่งที่ดี ควรจะต้องมีระบบการขนส่งที่สามารถตรวจเช็คหรือติดตามสถานะสินค้าได้ และมีระบบรับประกันสินค้าชำรุดเสียหายจากการขนส่งให้ลูกค้าด้วย เพื่อการันตีได้ว่าสินค้าจะถึงมือลูกค้าอย่างปลอดภัยไร้ตำหนิ

8. เก็บหลักฐานการโอนเงินให้ครบ : หลังจากทำการโอนเงินเรียบร้อยแล้ว ควรเก็บหลักฐานการโอนเงิน หลักฐานการชำระเงินซื้อสินค้า หรือแคปเจอร์หน้าจอประวัติการสนทนาซื้อขายไว้ให้ครบ ที่สำคัญคือ ชื่อ-นามสกุล เลขบัญชีของผู้ขาย ชื่อของร้านค้า เบอร์ติดต่อ เผื่อว่าในอนาคตอาจจำเป็นต้องใช้

 

และทั้งหมดนี้ก็คือวิธีซื้อของออนไลน์ให้ปลอดภัย ป้องกันถูกหลอก จากนี้ไปก่อนตัดสินใจโอนเงินซื้อสินค้าเราจะได้อุ่นใจมากยิ่งขึ้น  เพื่อการช้อปปิ้งออนไลน์ได้อย่างมั่นใจครับ!!!

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้